ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เลือกที่จะป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเองก่อนที่จะเจ็บป่วย และพยายามอัพเดทเทรนด์ในการดูแลสุขภาพใหม่ๆ เพื่อให้เหมาะกับตนเอง แล้วคุณล่ะ.. เลือกวิธีการดูแลสุขภาพแบบใด
- ออกกำลังกาย
- อาหาร: เน้นทานผัก ผลไม้ ทานมังสวิรัต
- ทานวิตามิน/อาหารเสริม
- นวดกดจุด/ ฝังเข็ม
- ดีท็อกซ์
- พลังงานบำบัด
- อื่นๆ
วิธีดูแลสุขภาพที่คุณเลือกเหมาะกับคุณแล้วหรือยัง มีหลักหรือวิธีการเลือกดูแลสุขภาพอย่างไร
การดูแลสุขภาพควรเริ่มตั้งแต่ในวัยเด็ก โดยเลือกให้ออกกำลังกายประเภทว่ายน้ำ ซึ่งได้ทั้งสุขภาพและเพิ่มความสูง ให้เด็กรับประทานผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนมเค้ก หรือขนมถุงสำเร็จรูป สอนวิธีการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แทนอาหารจั๊งค์ฟู้ด เพื่อฝึกความมีวินัยในการดูแลสุขภาพตั้งแต่เล็กๆ วัยทำงานเป็นวัยที่เคร่งเครียดง่าย อีกทั้งยังต้องการสารอาหารที่เป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างพลังในการทำงาน อาจเลือกการเล่นโยคะเพื่อฝึกสมาธิและรับประทานอาหารเสริมบางชนิดที่ขาด ควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ดังนั้นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละช่วงวัยที่แตกต่างกัน การดูแลสุขภาพจึงแตกต่างกัน และควรปรับเปลี่ยนการดูแลสุขภาพให้เหมาะกับตนเอง
วัย 10 ปี+: ไลฟ์สไตล์ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เวลาส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการเรียน ต้องการสารอาหารที่มีประโยชน์ เป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโตด้านร่างกายและสมอง
ดูแลสุขภาพ: เติมพลังงานให้กับสมองด้วยการทานอาหารประเภทโปรตีน เสริมด้วยวิตามินบีรวม วิตามินซีสูง และแร่ธาตุ (แคลเซียมและเหล็ก) เพื่อการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ ออกกำลังกายประเภทที่ใช้อุปกรณ์ เช่น แบตมินตัน ปิงปอง เทนนิส ฟุตบอล แชร์บอล เพื่อพัฒนาการประสานงานของร่างกายและประสาทสั่งการ เช่น สายตา การได้ยิน และกล้ามเนื้อต่างๆ
วัย 20 ปี+: วัยเริ่มต้นของการทำงาน ด้านร่างกายยังมีระบบการเผาผลาญพลังงานที่ดีอยู่ ไลฟ์สไตล์เริ่มรับประทานอาหารนอกบ้าน อาหารจานด่วน และต้องรับภาระหนักจากงาน ทั้งประชุม เคลียร์งาน จนอาจลืมรับประทานอาหาร ร่างกายรับสารอาหารไม่เพียงพอต่อวัน ทำให้สมองอ่อนล้าและอ่อนเพลีย
ดูแลสุขภาพ: อาหารเสริมอาจยังไม่จำเป็น แต่ควรรับประทานอาหารเพิ่มพลังสมองและความจำ เช่น “ปลา” โดยเฉพาะปลาแซลมอน ทูน่า ปลาทู อุดมด้วยโอเมก้า 3 และ DHA “ผักใบเขียวเข้ม” เช่น ผักคะน้า ผักโขม เป็นแหล่งของวิตามินอี และโฟเลต “ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่” เช่น สตรอเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ มีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ และ“เมล็ดธัญพืช” อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 1 และเน้นการออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาประเภทต่างๆ ทั้งบาสเก็ตบอล วอลเล่ย์บอล เป็นต้น
วัย 30 ปี+: เป็นช่วงวัยกำลังสร้างครอบครัว หน้าที่การงานเริ่มมั่นคง ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ มีความรับผิดชอบค่อนข้างเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาว่าง ชาวออฟฟิศมักจะเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม ปวดหลัง ปวดไหล่ ด้านร่างกาย อายุที่เพิ่มมากขึ้น ฮอร์โมนเริ่มทำงานลดลง ผิวเริ่มขาดความชุ่มชื้น บางคนรับประทานอาหารไม่เหมาะสม เครียด นอนน้อย ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ทำให้ร่างกายเสื่อมโทรมและเกิดการสะสมสารพิษ
ดูแลสุขภาพ: วัยผู้ใหญ่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและให้แคลอรี่ที่ต่ำด้วย ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างสมดุล เน้นอาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว และมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เช่น ผักและผลไม้ และอาหารเสริมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น สารสกัดจากองุ่น สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส แอสตาแซน
วัย 40 ปี+: ไลฟ์สไตล์เป็นวัยที่มีความรับผิดชอบสูงทั้งงานและสังคม ลูกๆ เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น มีภาระทางการเงิน มีเวลาออกกำลังน้อย ใช้สมองมากขึ้น เครียดวิตกกังวล เกิดไขมันทดแทน ร่างกายเสื่อมลงตามวัย มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ เช่น หลอดเลือดต่างๆ แข็งตัว มีไขมันในกระแสเลือด ความจำน้อยลง มวลกระดูกลดลง ไตทำงานน้อยลง สายตาเริ่มยาว นอนหลับยาก อ่อนเพลียง่าย ประจำเดือนมาน้อยลง เรียกได้ว่าเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะฮอร์โมนในเพศหญิงและชายลดลง ฮอร์โมนการเติบโตหลั่งน้อย สมองไม่ฉับไวไม่กระฉับกระเฉง
ดูแลสุขภาพ: ควรหันมารับประทานอาหารพวกไฟเบอร์ รับประทานคาร์โบไฮเดรตและไขมันให้น้อยลง โดยเลือกรับประทานผักผลไม้สด ธัญพืชไม่ปรุงแต่ง ลดเนื้อสัตว์เนื้อแดงและผลิตภัณฑ์นม เพราะร่างกายสะสมไขมันง่ายขึ้น การเผาผลาญลดลง ควรออกกำลังกาย เช่น การเล่นฟิตเนสหรือโยคะ ที่เน้นการทำงานของหัวใจ เพิ่มความแข็งแรงที่กล้ามเนื้อกระดูก การยืดหยุ่นข้อต่อ กระตุ้นระบบหายใจและไหลเวียนให้ทำงานดีขึ้น เพื่อชะลอความชรา ควรรับประทานวิตามินประเภทที่ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เช่น รักษาระดับฮอนโมนด้วย G-Cap (ช่วยสร้าง Growth Hormone) หรือ วิตามินอี (โทโคฟีรอลรวม) พร้อมกับซีลีเนียม รับประทานเมลาโทนิน เพื่อช่วยอาการนอนไม่หลับ กรณีต้องการอารมณ์ที่ดีผ่อนคลาย ควรรับประทานเซนต์จอห์นวอร์ต ร่วมกับสารสกัดแบล็กโคฮอช ก็ช่วยได้ หรือเข้าสปา เพื่อช่วยผ่อนคลายร่างกายจิตใจเพิ่มขึ้น และอย่าลืมตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
วัย 50 ปี+: ร่างกายมีความเสื่อมถอยในทุกด้านอย่างชัดเจน ปริมาณไขมันสูงขึ้นแทนที่กล้ามเนื้อ ร่างกายเผาผลาญน้อยลง คนวัยนี้ออกกำลังกายก็น้อย ความต้องการพลังงานก็น้อยลง แต่ความต้องการวิตามินและแร่ธาตุคงเดิม ทำให้ร่างกายสะสมพลังงานส่วนเกินในรูปไขมันไว้มาก ขณะเดียวกันอารมณ์ก็หงุดหงิดง่าย เริ่มเข้าสู่ในช่วงวัยทอง ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ เสื่อมสภาพตามวัย เช่น กระดูกและฟัน ระบบขับถ่ายไม่ทำงาน กระดูกไม่ค่อยดี เป็นต้น
ดูแลสุขภาพ: ควรรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ เสริมวิตามิน และแร่ธาตุรวม ช่วยให้ร่างกายและจิตใจดีขึ้น รับประทานวิตามินเอในรูปเบต้าแคโรทีนเพื่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมแคลเซียมป้องกันภาวะกระดูกบาง รับประทานมัลติเอนไซม์เพื่อช่วยย่อย เนื่องจากกระเพาะอาหารลำไส้ผลิตน้ำย่อยที่น้อยลง และการเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเพราะฟันไม่อำนวย วัยนี้ร่างกายจะอ่อนแอลง ความสามารถของข้อต่อ กระดูก กล้ามเนื้อเริ่มลดลง ควรออกกำลังกายที่ช่วยปรับทรวดทรง ฟื้นฟูและรักษาสภาพร่างกาย กระตุ้นให้ระบบไหลเวียนทำงานดีขึ้น ควรเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพที่ไม่มีการปะทะและออกแรงมาก และมีการเคลื่อนไหวช้าๆ อย่าง รำไทเก็ก โยคะ ชี่กง ฤาษีดัดตน เป็นต้น
ที่มา:lifecenterthailand