อาการเจ็บป่วย หรือปัญหาสุขภาพ ย่อมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราไม่มากก็น้อย ยิ่งหากเป็นโรคประจำตัว หรือโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดเสียที ก็จะยิ่งส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวได้ และกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะกังวลว่าตัวเองจะทำได้ไหม หรือต้องทำอย่างไรถึงจะเหมาะสมและปลอดภัย ก็คือ การออกกำลังกาย นั่นเอง แล้วหากคุณเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจยอดฮิต อย่างโรคหืด หรือที่มักเรียกว่าหอบหืดล่ะ จะสามารถออกกำลังกายได้หรือเปล่า วันนี้ เรามีข้อมูลเรื่องนี้มาฝากแล้ว คุณจะได้รู้ว่า เป็นโรคหอบหืด ควรออกกำลังกายอย่างไรถึงจะเหมาะสมและปลอดภัย
เป็นโรคหอบหืด ออกกำลังกายได้หรือไม่
ปัญหาเกี่ยวกับการออกกำลังกายที่คนเป็นโรคหอบหืดส่วนใหญ่น่าจะสงสัย ก็คือ คนเป็นโรคหอบหืดออกกำลังกายได้ไหม คำตอบก็คือ คนเป็นโรคหอบหืดสามารถออกกำลังกายได้ ความจริงแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า เป้าหมายอย่างหนึ่งในการรักษาโรคหอบหืดก็คือ การช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ ซึ่งการออกกำลังกายก็ถือเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ป่วยบรรลุเป้าหมายนั้นได้
สิ่งสำคัญคือ คุณต้องออกกำลังกาย ควบคู่กับการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และหมั่นตรวจสอบการทำงานของปอดอยู่เสมอ จะได้ทราบว่าปอดของคุณทำงานได้ดีแค่ไหน และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้ก็คือ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกายด้วย
เป็นโรคหอบหืด ออกกำลังกายแล้วดีอย่างไร
การที่คนเป็นโรคหอบหืด ขยับร่างกายบ่อย ๆ หรือออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมสุขภาพดังต่อไปนี้
- ช่วยให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้คุณป่วยเป็นไข้หวัดน้อยลง
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก หรือลดน้ำหนัก เมื่อคุณมีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี ก็จะช่วยลดการเกิดภาวะจับหืด (Asthma Attack) ซึ่งเป็นภาวะที่ผู้ป่วยหลอดลมตีบ นำไปสู่อาการไอ หอบ หายใจมีเสียงหวีด เนื่องจากเจอสิ่งกระตุ้น
- ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเคมีที่ทำให้รู้สึกดีมากขึ้น จึงช่วยบรรเทาความเครียดและอาการซึมเศร้า ที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคหอบหืดได้ด้วย
การออกกำลังกายประเภทใดเหมาะที่สุด
สำหรับการออกกำลังกายหรือกีฬาที่เหมาะสมกับคนเป็นโรคหอบหืด หากเป็นกิจกรรมที่สามารถทำคนเดียวได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คุณเดิน เดินเร็ว ปั่นจักรยาน หรือจะว่ายน้ำก็ได้ เพราะการว่ายน้ำ นอกจากจะดีต่อระบบทางเดินหายใจและโรคหอบหืดแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายท่อนบนที่ดีมากด้วย
แต่หากคุณอยากเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายเป็นกลุ่ม แนะนำให้ลองเล่นกีฬาที่ใช้พละกำลังมากในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างวอลเลย์บอล เบสบอล ยกน้ำหนัก เพราะกิจกรรมลักษณะนี้จะไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยจนเกินไป
ส่วนการออกกำลังกายที่คนเป็นหอบหืดควรหลีกเลี่ยง ก็คือ การออกกำลังกายที่ต้องใช้พละกำลังสูงติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล การวิ่งระยะไกล นอกจากนี้ คุณควรเลี่ยงกีฬาที่ต้องเล่นในอากาศหนาว ๆ เช่น สเก็ตน้ำแข็ง ไอซ์ฮอกกี้ เพราะอาจทำให้ระบบทางเดินหายใจของคุณต้องทำงานหนักเกินไป
เทคนิคออกกำลังอย่างปลอดภัยสำหรับผู้เป็นโรคหอบหืด
- ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดควรวอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย และคูลดาวน์หลังออกกำลังกายสัก 5-10 นาที เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับหัวใจ และช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ จะได้ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย
- คุณอาจต้องใช้ยาบางชนิดก่อนออกกำลังกายบางประเภท เช่น ใช้ยาขยายหลอดลม เพื่อช่วยให้หายใจได้สะดวกขึ้น ใช้ยาพ่นในกลุ่มที่มีกลไกยับยั้งการหลั่งสารเคมีในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันภาวะหลอดลมตีบจากการออกกำลังกาย หรือป้องกันอาการหอบหืดกำเริบขณะออกกำลังกาย โดยคุณสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับยาที่เหมาะสมกับการออกกำลังกายของคุณได้
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือมีละอองเกสรดอกไม้เยอะ ๆ เพราะปัจจัยเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดภาวะจับหืดได้
- หากคุณป่วย โดยเฉพาะเมื่อเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ควรพักผ่อนให้อาการดีขึ้นก่อน จึงค่อยกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง
- ไม่ออกกำลังกายนอกบ้านในช่วงที่อากาศเย็น เพราะอากาศเย็นจะทำให้คุณหายใจได้ลำบากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นโรคหอบหืดรุนแรง แต่หากคุณอยากทำกิจกรรมในช่วงที่อากาศเย็นจริง ๆ แนะนำให้สวมหน้ากาก หรือพันผ้าพันคอปิดบริเวณปากเอาไว้ จะได้รู้สึกอุ่นและชุ่มชื้นขึ้นเวลาหายใจ
หอบหืดกำเริบระหว่างออกกำลังกาย รับมืออย่างไร
การออกกำลังกายในรูปแบบที่เหมาะสม ร่วมกับการปฏิบัติตามเทคนิคในการออกกำลังกายอย่างปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ หรือการเกิดอุบัติเนื่องจากการออกกำลังกายให้กับผู้ป่วยโรคหอบหืดได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณก็ควรออกกำลังกายให้พอดี อย่าหักโหมเกินไป และหากคุณมีอาการเหล่านี้ในขณะออกกำลังกาย อาจหมายถึงโรคหอบหืดของคุณกำเริบ
- ไอ
- หายใจมีเสียงหวีด
- แน่นหน้าอก
- หายใจลำบาก
หลังหยุดออกกำลังกาย ให้นั่งพักนิ่ง ๆ แล้วดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยการใช้ยาที่เรียกว่า Rescue inhaler และหากนั่งพักและใช้ยาแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน หรือไปโรงพยาบาลทันที
ที่มา : hellokhunmor.com