เชื่อหรือไม่ ว่าการขยับตัวอย่างช้าๆ หรือเรียกว่า ท่าโยคะ (Yoga) นั้น ก็เป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่ง เป็นอีกหนึ่งศาสตร์ในการรักษาสุขภาพ ซึ่งโยคะเองนั้นเป็นวิธีการช่วยเสริมสร้างสมาธิที่ได้รับความนิยมมาอย่างช้านาน
กีฬาที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันไม่แพ้ มวยไทย ฟิตเนส หรือสเก็ตบอร์ด นอกจากกีฬาวิ่งแล้ว ยังมีกีฬาที่ได้ใช้สมาธิอย่างโยคะอีกด้วย โยคะเป็นศาสตร์ และ ศิลป์แห่งการออกกำลังกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่สนใจจะเล่นโยคะ ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ที่คุณยังมีความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับโยคะอยู่
โยคะเป็นกีฬาที่เหมาะสมกับผู้หญิงเท่านั้น
คนมากมายยังเข้าใจว่า โยคะ คือ กีฬาสำหรับผู้หญิง แต่แท้ที่จริงแล้ว จะผู้ชาย หรือ เด็กก็สามารถเล่นโยคะได้ โดยโยคะนั้น เป็นการช่วยให้ผู้ฝึก เข้าใจในระบบต่าง ๆ ร่างกายคนเราเอง โดยจะฝึกทั้งร่างกาย และจิตใจ หลักการฝึกโยคะ จะเน้นไปที่การจดจ่อกับลมหายใจทั้งเข้า – ออก จึงไม่น่าแปลกใจว่า คนที่เล่นโยคะเป็นประจำอยู่แล้ว ผู้เล่นจะรู้สึกคลายเครียดได้เป็นอย่างดี โยคะช่วยรักษาสมดุลของร่างกาย ได้ใช้ความรู้สึกมานำท่าทางการเคลื่อนไหว ทำให้จิตใจมีความสมดุล จึงอาจจะกล่าวได้ว่าโยคะเหมาะสมกับ ทั้ง ชาย และหญิง
เล่นโยคะแล้วจะผอม
อีกหนึ่งความเชื่อผิด ๆ ว่า การเล่นโยคะทุกวัน จะทำให้มีรูปร่างผอมลง ซึ่งก็นับเป็นความคิดที่ผิด โยคะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้บางส่วนเท่านั้น เมื่อเล่นโยคะบ่อย ๆ กล้ามเนื้อเพิ่ม อัตราการเผาผลาญพลังงานก็เพิ่มตามไปด้วย แต่หากเล่นโยคะเพียงอย่างเดียว ร่างกายก็ใช้กล้ามเนื้อมัดซ้ำ ๆ ไม่ได้เสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ หากว่าคุณต้องการลดความอ้วนแล้ว แนะนำว่าควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่นวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น และอย่าลืมการออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เน้นการควบคุมอาหาร งดหวาน มัน เค็ม จะทำให้การลดน้ำหนักเห็นผลได้อย่างรวดเร็วกว่าการเล่นโยคะแค่เพียงอย่างเดียว เพราะหากคุณเล่นโยคะ แต่ไม่คุมอาหาร กินตามใจปากเช่นเดิม แทนที่น้ำหนักจะลดก็กลับทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้อีกด้วย
โยคะสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค
มีคนไม่น้อยยังมีความเข้าใจผิด ว่าโยคะสามารถรักษาอาการโรคได้ทุกโรค แต่แท้ที่จริงแล้ว โยคะจะเน้นไปที่ การทำให้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากกล้ามเนื้อ แข็ง ตึง ให้ลดลง หรือบรรเทาลงมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาออฟฟิศซินโดรม ปัญหาปวดคอ บ่าและไหล่ อย่างไรก็ดี โยคะไม่ได้รักษาโรค และที่สำคัญผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง วิงเวียนศีรษะ เนื้องอก มะเร็ง ก็ควรหลีกเลี่ยงการเล่นโยคะจะดีกว่า เนื่องจากการเล่นโยคะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายเพิ่มมากขึ้นได้นั่นเอง
โยคะฝึกเมื่อใดก็ได้
แท้ที่จริงแล้วโยคะไม่ควรฝึกหลังจากทานข้าวเสร็จใหม่ ๆ หรือช่วงที่ท้องยังอิ่มอยู่ อย่างน้อยควรเว้นระยะราว 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการจุกของร่างกาย หรือหากฝึกช่วงเช้าหลังตื่นนอนก็ควรขับถ่ายก่อนจะดีที่สุด
จะเห็นว่าการฝึกโยคะนั้นมีเรื่องที่ชวนให้เข้าใจผิดหลายประการทีเดียว หากว่าคุณอยากให้การฝึกโยคะของคุณถูกต้อง มีประสิทธิภาพและไม่เป็นการทำร้ายร่างกายของตนเอง แนะนำว่าให้ฝึกโยคะกับครูที่มีความเชี่ยวชาญจะดีที่สุด
ประโยชน์
การรับรู้ที่ลึกขึ้น และทักษะการฟังที่เพิ่มขึ้น
พวกเราหลายคนคุ้นเคยกับการบอกร่างกายของเราว่าต้องทำอย่างไรโดยไม่ให้เครดิตกับสิ่งที่ทำเพื่อเรา และความรู้สึกที่แท้จริงในขณะนั้น เราใช้ชีวิตอย่างรวดเร็วโดยที่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่จะถามร่างกายว่ารู้สึกอย่างไร แต่เราบังคับผลักดันและผลักดันร่างกายของเราให้ทำสิ่งที่อาจตรงข้ามกับสุขภาพที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจของเรา การฝึกโยคะส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับร่างกายของเราและให้ความรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ร่างกายของเราทำเพื่อเรา
การยอมรับ และรักตนเอง
โยคะไม่ได้มีแค่ท่าที่แค่ท่าง่าย ๆ แต่โยคะมีท่าที่หลากหลายให้ฝึก หรือบริหารกัน โยคะมีหลายท่าที่ยากมากที่จะเข้า ภายนอกอาจดูง่าย แต่ท้าทายลึก ๆ จากภายใน ตัวอย่างเช่นการโค้งไปข้างหน้าแบบธรรมดาอาจเป็นเรื่องท้าทายและเราอาจรู้สึกเขินอายที่ไม่สามารถแตะนิ้วเท้าได้ อย่างไรก็ตามการฝึกโยคะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสัมผัสนิ้วเท้าของเรา ถ้าคุณคิดเกี่ยวกับมันไม่มีเหตุผลบนโลกที่จะแตะนิ้วเท้าของคุณ คุณจะไม่มีสุขภาพที่ดีขึ้นหรือมีความสุขถ้าคุณทำ
ปฏิกิริยาน้อยลง และสงบมากขึ้น
คนส่วนใหญ่มีปฏิกิริยาตามธรรมชาติเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ ตัวอย่างเช่นคุณอาจพบว่าคุณสบถ หรือโกรธหากมีคนตัดหน้าคุณจากการจราจร คุณอาจรู้สึกหดหู่ เมื่อต้องทะเลาะกับสมาชิกในครอบครัว แล้วก็มีความสุข เมื่อได้ตัดผม หรือซื้อใหม่ การฝึกโยคะสอนให้เราพบความสมดุล ที่มั่นคงมากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ดังนั้น หากคุณอยู่ในท่าทางที่ท้าทาย และ รู้สึกว่าคุณแทบจะไม่สามารถทำได้ สภาพจิตใจของคุณก็ยังคงสงบสุข ซึ่งแสดงโดยลมหายใจที่สงบ และสม่ำเสมอ
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเล่นโยคะ
ท่าโยคะ เป็นการออกกำลังกาย ที่นับว่าเป็นการยืดเส้นยืดสาย หรือบริหารส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ต้องอาศัยลมหายใจ และสมาธิ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกายมากที่สุด หากมองให้ดีแล้ว แทบจะไม่มีความแตกต่างจากการออกกำลังกาย ที่เราทำกันอยู่ตามปกติเลย เช่น ก่อนการจะเล่นก็ต้องมีการวอมร่างกายก่อน เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บระหว่างเล่นได้ ถึงแม้ว่าจะเล็กแต่ก็ไม่ควรมองข้าม ลองมาดูพร้อมกันดีกว่า ถ้าอยากจะออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
1.ก่อนจะเริ่มเล่นโยคะ ควรคำนวณให้ดีก่อนว่า เรารับประทานอาหารผ่านมาเป็นเวลา 1 – 2 ชั่วโมงแล้วรึยัง แต่ด้วยจำนวนเวลาเท่านี้ก็ไม่เสมอไป นั่นขึ้นอยู่กับว่าอาหารที่ทานเป็นอาหารหนัก หรืออาหารเบา ถ้าเกิดว่าไม่เป็นตามนี้ อาหารก็เปรียบได้กับยาพิษ ที่อาจทำให้เกิดโทษในภายหลังที่เริ่มเล่นได้
2.ช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ มากที่สุด หรือถ้าหากช่วงเช้าไม่ค่อยสะดวก ก็อาจเป็นช่วงบ่าย ค่อนไปจนถึงช่วงเย็นเลยก็ได้
3.สถานที่ ที่เหมาะสำหรับการเล่นโยคะ ต้องมีลมโกรก ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป
4.การออกกำลังกายด้วย ท่าโยคะ เป็นอะไรที่ต้องมีการยืดเส้นยืดสายส่วนต่าง ๆ อยู่มาก ฉะนั้นเครื่องแต่งกายขณะเล่นก็มีความสำคัญ เน้นให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก
5.พื้นที่ในขณะที่เล่น หากว่าพื้นไม่ได้ปูพรม ก็ต้องมีที่หนาพอสมควร อาจใช้เป็นผ้าห่ม ปูรองรับร่างกาย ในขณะที่เล่นทุกครั้งเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ อาการปวดหลัง หัวเข่า หรือในบางท่านที่มีความจำเป็นต้องใช้ผ้าปูรอง
6.การเล่นโยคะเป็นอะไรที่ต้องใช้การหายใจ และสมาธิเข้ามาเป็นตัวกำหนดขณะเล่น ฉะนั้นแนะนำให้ปฏิบัติท่าต่างๆ ด้วยความแช่มช้า นุ่มนวล
7.ระหว่างที่ทำท่าโยคะต่างๆ เสร็จแล้ว แนะนำให้นอนพักสักระยะ ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติในท่าต่อไป
8.ขณะที่เล่น ต้องหายใจอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เกร็งกล้ามเนื้อตรงบริเวณคอ ไม่ทำจมูกบี้ และต้องไม่มีเสียงดังอีกด้วย
9.สำหรับสาว ๆ คนไหนที่มีวัยตั้งแต่เลข 4 ขึ้นไป ขอเน้นย้ำเป็นอย่างยิ่งว่าไม่ควรหักโหม ควรปฏิบัติด้วยความใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป
ที่มา : eclipsestudiobkk.com